แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย cheesenoey0506 เมื่อ 2016-8-15 17:01
สวัสดีค่ะ :) กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยค่ะ
_____________________________________________________
เริ่มจากที่ตัวเรานั้นเป็นคนที่จมูกแบนมากถึงขีดสุด บวกกับอ้วนด้วย เลยกลายเป็นแบนชนิดที่ใช้คำว่า "แป๊ด" ได้เลย
ก่อนเสริมเราได้ทำการอ่านรีวิวมาสักระยะใหญ่ ๆ กลัวเจ็บบ้าง กลัวทำแล้วไม่สวยบ้าง กลัวเรื่องน้ำเหลืองไม่ดีบ้าง
กลัวหลายอย่างมาก คิดจะทำและล้มเป็นสิบๆรอบ จนเมื่อเดือนธันวาคมปี 58 คิดว่า เอาวะ !! ทำเหอะ
ก็เลยตัดสินใจทำกับ คุณหมอปิติ แห่ง รพ.เลอลักษณ์ นัดวันทำเป็นวันที่ 31/12/58 (จ้าาาา เจ็บตัวรอฉลองปีใหม่เลย)
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 15,900 บาท (สิลิโคน USA 12,900 + ค่ายากิน + เลือกหมอ 2,000 = 15,900 บาท)
เราก็มัดจำไปก่อน 3,000 บาท
*ปล.ทำไมเราต้องเลือกหมอ เอาจริงๆ มันไม่ได้จำเป็นหรอก แต่ด้วยความที่เราอ่านรีวิวคุณหมอหลายท่าน
บวกกับสภาพเนื้อจมูกของเรามันน้อยมากๆ ดึงยังไม่ขึ้นเลย ดังนั้นเลยมีความรู้สึกว่าความถนัดนี้ควรเป็นคุณหมอปิติเท่านั้น (ฮ่าๆ)
หากไม่เลือกก็ได้นะค่ะ เค้าก็จะมีสุ่มตามตารางแพทย์ จะประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ไปด้วย
**ปล.3 ส่วนของอุปกรณ์การทำแผลเราซื้อจากข้างนอกเตรียมไว้แล้ว (อ่านรีวิวละจดไปซื้อตาม)
มียาใบบัวบก 2 กระปุก / เจลประคบ 2 ชุด / น้ำเกลือล้างแผล / สำลีก้านใหญ่ / ไรพาลินเจลแบบทา / ยาลดบวม / ไรพาลินแบบกิน /
ยาแก้แพ้ / ราคาไม่เกิน 600 บาท ,, ประหยัดกว่ามากๆ
_____________________________________________________
ก่อนทำ เราหมั่นกินน้ำใบบัวบก น้ำมะพร้าว และยาใบบัวบกไว้ประมาณ 1 เดือนเพราะกลัวเรื่องของน้ำเหลืองไม่ดี
ถึงวันทำ เราตื่นเต้นมาก คือวิ่งเข้าห้องน้ำหลายรอบมาก (ตื่นเต้นลงกระเพาะ) 55555
ระหว่างรอเข้าห้องผ่าตัด เค้าก็จะให้เราใส่หมวกคุมผม ล้างหน้ากับน้ำยาแดงๆ เช็ดให้แห้ง ละรอเข้าห้องผ่าตัด
(สภาพห้องคือกว้าง ดูสะอาดมากกก)
พอเข้าห้องผ่าตัด คุณหมอก็จะถามว่าเอาแบบไหน เราก็บอกเอาแบบที่เข้ากับหน้า ไม่เถิกเหมือนจมูกหมู
หมอก็จับเนื้อตรงสันจมูกละอธิบายว่า เนื้อจมูกน้อยนะ อาจจะขึ้นได้นิดเดียว เพราะถ้าทำโด่งมากไป เสี่ยงต่อการทะลุ
ยังทำอยู่มั้ยครับ (คุณหมอพูดเพราะมาก ไม่ออกแนวบังคับ หรือตามใจ แต่จะให้ความรู้ละถามความสมัครใจมากกว่า)
เราก็ยืนยันทำค่ะ
แล้วคุณหมอก็จะให้เรานอนลง ละฉีดยาสลบที่หลังมือ (บางคนบอกไม่หลับ แต่เราทำตามคนที่เคยรีวิวว่า ระหว่างฉีดให้กลืนน้ำลาย)
เราจำได้ว่ากลืนไป 3 อึก บินเลยจ้า 555555
เราน่าจะหลับไปนานพอสมควรนะ เพราะเราตื่นตอนคุณหมอกำลังเย็บแผล คุณหมอไม่ใช้วิธีปลุกแบบเขย่าตัวนะ
แต่จะชวนคุยจนเรารู้สึกตัว เราจำได้ว่าลอยๆ แต่พอมีสติ ตอนหมอเย็บเรายังบอกหมอว่า สนุกจังเลย 5555
คือมันไม่ได้รู้สึกเสียวหรือเจ็บ มันรู้สึกว่าแน่นและปลอดภัย (คิดไปเอง 555)
พอเสร็จหมอก็ฉีดยาอะไรไม่รู้นะ (น่าจะยาฆ่าเชื้อรึเปล่า) แต่คือมันจะแสบคอ เหมือนอารมณ์คนสำลักของเผ็ดอะ
แต่ไม่เจ็บแผลนะ พอเสร็จพี่พยาบาลจะช่วยพยุงเราไปห้องพักฟื้น เรานั่งอยู่ประมาณ 1 ชม. ก็ลุกกลับบ้านได้เลย
.
.
.
*ช่วงรักษาตัวเรากินยาตามหมอสั่งเป๊ะๆ และกินทั้งน้ำใบบัวบก น้ำมะพร้าว ยาใบบัวบกอัดเม็ด
รวมถึงยาแก้แพ้เพื่อลดอาการจาม ยาไรพาลินแบบกินแบบทาเลย เพราะเรามีความเขียวระดับ 5 เลยละ
(สำหรับเราจะอัดยาแก้ปวดทุก 4 ชม.ช่วงคืนแรกถึงวันที่ 2 )
หลังจากนั้นอาการปวดจะลดลง จะบวมมากกว่า
*ส่วนเรื่องทำความสะอาด เราไม่ล้างหน้าเลย ใช้น้ำเกลือเช็ดแทน ทั้งหน้า ทั้งจมูก
(หมั่นเช็ดเลือดที่แข็งออก โดยใช้สำลีจุ่มน้ำอุ่น เช็ด ไม่ต้องถูแรง) และเราจะหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าสวมหัวสักพักนึง
*เวลานอนก็จะอยู่ในท่ากึ่งนอนกึ่งนั่งเป็นเวลา 1 เดือนนะ ตัวช่วยก็คือ เราจะนอนซอกตู้ 5555 (ขนาดกว้างพอดีกับหัว)
เพราะหมอนรองคอ ช่วยได้แค่ไม่ให้คอกระดิก แต่ตัวเรามันชอบพลิก อย่างน้อยก็สบายใจว่าหน้าไม่เอียงไปไหนแน่นอน
ที่เหลือก็แค่รอเวลาที่สิลิโคนจะเข้าที่ ทุกๆขั้นตอนจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของแต่ละคนนะค่ะ
ด้านข้างก่อนทำ
หน้าตรงก่อนทำ
ก่อนและหลังทำทันที
คืนแรก (ปวดข้ามปี)
วันที่ 2
วันที่ 3
วันที่ 4
วันที่ 5
วันที่ 6
วันที่ 7
แต่งหน้าครั้งแรกตอนครบ 2 อาทิตย์ ยังเขียวใต้ตาอยู่
เดือนกว่าแล้ว กลับมาแต่งหน้าได้แล้ว ความเขียวใต้ตาใช้คอนซิลเลอร์กลบ
7 เดือน
ปัจจุบันจะครบ 9 เดือนแล้ว
ปัจจุบันจะครบ 9 เดือนแล้ว
ปัจจุบันจะครบ 9 เดือนแล้ว
|