เมื่อสิบกว่าปีก่อน การศัลยกรรมเป็นไปเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างปกติสุข
แต่ทุกวันนี้มันกลายเป็นความสวยงามตามใบสั่งไปเสียแล้ว
และไปจำเป็นต้องหลบๆ
ซ่อนๆ
ไปทำ
หรือโกหกอีกต่อไป
ว่าไม่ได้อาศัยมีดหมอเพื่อดูดีเมื่อมีใครถาม
การที่ศัลยกรรมกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ทำให้มันดูเป็นเรื่องไม่อันตรายใรสายตาคนทั่วไปแต่ในความเป็นจริงแล้ว
ศัลยกรรมก็คือการผ่าตัดและการผ่าตัดทุกครั้งมีความเสี่ยง
ไม่ว่าศัลยแพทย์ที่คุณฝากชีวิตไว้ในมือจะเก่งกาจเพียงใด
หรือเครื่องมือที่ใช้ไฮเทคแค่ไหน
มาทำความรู้จักกับศัลยกรรมให้ดีขึ้นก่อนตัดสินใจ
1. ไม่มีการศัลยกรรมที่ไร้รอยแผลเป็น การผ่าตัดเพื่อความงามได้รับการพัฒนาไปมากก็จริง ในเรื่องการซ่อนเร้นรอยแผลเป็นไว้ตามรอยพับตามธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ แต่มันยังคงอยู่บนตัวคุณไม่ได้หายไปไหนแพทย์คนไหนที่บอกว่าสามารถผ่าตัดแบบปราศจากรอยแผลเป็นให้คุณได้นั้น ไม่ได้พูดความจริง การดึงหน้าการทำจมูก การเพิ่มขนาดหน้าอก การดูดไขมัน จะไรแผลเป็นได้ก็ต่อเมื่อไม่มีการกรีดหรือการผ่า และเมื่อไม่มีการกรีดหรือการผ่าสิ่งนั้นก็ไม่ไช่ศัลยกรรม
2. การดูดไขมันไม่สามารถขจัดเซลลูไลท์ ถ้าศัลยแพทย์ที่คุณไปปรึกษาบอกตรงกันข้าม รีบแผ่นออกจากคลินิกหรือโรงพยาบาลแห่งนั้นให้เรด การดูดไขมันช่วยให้ร่างกายโดยรวมดูผอมลงและกำจัดจุดมีปัญหาที่การคุมอาหารและออกกำลังกายทำอะไรมันไม่ได้แต่การศัลยกรรมวิธีนี้จะทำให้เซลลูไลท์ที่มีอยู่แล้วย่ำแย่ลง โดยเฉพาะถ้าไขมันถูกจำกัดออกไปในปริมาณมาก
การดูดไขมันมากเกินไปจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นย้วยห้อยหรือพับไปพับมา
ขาบั้นท้ายอาจผิดรูปผิดทรงและไม่ราบเรียบ
สิ่งที่ควรจำไว้คือ
การดูดไขมันที่ต้องขจัดในแต่ละจุดมีมากกว่า
1 – 2 กิโลกรัม คุรควรพิจารณาการลดน้ำหนักเสียก่อนแล้วจึงค่อยคิดถึงการดูดไขมัน
แม้ไม่มีกฎระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่าไขมันที่จะเอาออกในแต่ละครั้งควรมีปริมาณเท่าไหร่
แต่สมาคมศัลยแพทย์พลาสติกแห่งอเมริกา
(American Society of Plastic Sureons) แนะนำว่า
ไม่ควรขจัดไขมันออกเกินครั้งละ
2.5 – 3 กิโลกรัม เพราะยิ่งดูดไขมันออกมามาก คนไขก็จะยิ่งเสี่ยงอันตรายมากตามไปด้วยการตัดสินใจที่ผิดพลาดไม่เพียงนำไปสู่ผิวหนังยวยๆ
แต่อาจหมายถึงชีวิต
เพราะสิ่งที่ออกมาพร้อมกับไขมันก็คือเลือด ถ้าเสียเลือดมากคนไข้จะช๊อก
จนหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด
3. แน่นอนว่ามันจะเจ็บ ผู้หญิงมีแนวโน้มทนต่อความเจ็บมากกว่าผู้ชาย แต่ใช่ว่าจะมีขีดจำกัดศัลยกรรมที่เจ็บปวดที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ การลดขนาดหน้าท้อง (เนื้อบางส่วนเกินถูกดเฉือนออกไปและมีการทำสะดือใหม่) การเพิ่มขนาดหน้าอก (จะเจ็บมากเพราะตัวเสริมจะถูกนำไปวางไว้หลังกล้ามเนื้อ ซึ่งหมายถึงว่ากล้ามเนื้อบางส่วนจะถูกตัดออกไป) ผ่าตัดด้วยเลเซอร์ทั้งหน้า (การใช่เลเซอร์เพื่อลบริ้วรอยและแผลเป็นจะก่อให้เกิดการไหม้ระดับสอง) การยกกระซับต้นขา และสุดท้ายการยกกระซับอื่นๆของร่างกาย
4.
มีศัลยกรรมบางอย่างที่อย่าแม้แต่จะคิดทำ อันดับหนึ่งเลยคือ
การเสริมก้น
เพราะมีน้ายมากที่พลลัพธ์จะออกมาดูดีหรือธรรมชาติ
ถ้าไม่ออกมาเหมือนคุณมีกี่สันก็จะดูตลก
นอกจากความจริงที่ว่าขั้นตอนการทำนั้นแปลกประหลาดแล้ว
มีเหตุผลทางการแพทย์หลายประการที่คุณควรอยู่ให้ไกลจากมัน
แรกเลยก็คือ
กล้ามเนื้อตรงบั้นท้ายเป็นกล้ามเนื้อมันใหญ่ที่สุดในร่างกาย
จึงไม่ควรอย่ายิ่งที่จะใส่สิ่งแปลกปลอม
(ตัวเสริม) เข้าไปยังส่วนที่รับน้ำหนักและแรงกดสูงอยู่แล้วเช่นกัน นอกจากนี้ก้นยังเป็นอวัยวะที่มีการเคลื่อนไหวและถูกกดทับอยู่เกือบตลอดเวลา
จึงมีความเสี่ยงสูงที่ตัวเสริมจะเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมหรือปริแตกจากแรงกดดัน
อีกอย่างที่ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวคือ
การฉีดซิลิโคนที่ริมฝีปากเพื่อให้อวบอิ่ม
เมื่อฉีดสารถาวรอย่างนั้นเข้าไปผลที่ออกมาจะดูมากเกินไปและแปลกปลอม
ที่ร้ายกว่านั้นการเอาซิลิโคนเหลวออกนั้นยากเย็นแสนเข็ญและอาจสูบเงินในกระเป๋าคุณมากกว่าที่เคยจ่ายเพื่อเอามันเข้าไปหลายสิบเท่าแถมยังทิ้งริ้วรอยแผลเป็นและริมฝีปากแบบผิดมนุษย์มนาไว้ให้ดูต่างหน้าด้วย
5.
ศัลย์แพทย์ที่ออกโฆษณาจนติดหู ไม่ไช่ความคิดที่ดี
โดยทั่วไปศัลยแพทย์ที่ดีย่อมไม่โฆษณา
แต่ไม่ได้หมายความว่าหมอศัลยกรรมทีเห็นตามหน้านิตยสารจะฝีมือห่วน
แต่คนที่เก่งจริงไม่เป็นต้องอาศัยคัตเอาต์ขนาด
ใหญ่บนตึกสิบชั้นเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวเอง
ถ้าอย่างงั้นจะไปหารายชื่อศัลยแพทย์ฝีมือระดับพระกาฬจากไหน
ลองขอคำแนะนำจากหมอทั่วไปที่คุณเชื่อใจดูเพราะคนเป็นหมอย่อมรู้ตื้นลึกหนาบางในวงการแพทย์ที่คนนอกไม่ประสีประสาได้ดีหรือถามคนที่เคยผ่านการศัลยกรรมมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปี
เพื่อให้แน่ใจถึงผลประโยชน์ในระยะยาวจากลงมีดของหมอคนนั้น
ๆ รวมถึงการติดต่อตามผลและการแก้ไขเมื่อเกิดปัญหา
เลือกมาอย่างน้อย
3 คนที่คุณคิดว่าเป็นบุคลากรชั้นแนวหน้าในด้านที่คุณต้องการศัลยกรรม
จากนั้นก็นัดขอคำปรึกษา
แพทย์ที่บอกว่าไม่มีเวลาสำหรับการปรึกษาหรือไม่จำเป็นต้องปรึกษามาลงมีดเลย
คุณควรตัดออกจากสารบบไปซะ
แค่ปรึกษาไม่กี่นาทียังสละไม่ได้ต่อไปถ้าเกิดปัญหาที่หลังเข้าจะมีเวลามาแก้ไขให้คุณหรือ
เขียนข้อสงสัยหรือความกังวลของคุณเป็นข้อๆ
ไม่ว่าคำถามนั้นจะฟังงี่เง่าหรือจิ๊บจ๊อยแค่ไหนก็ตาม
แพทย์ที่ดีจะเต็มใจไขข้อในให้คุณ
6.
แพทย์อาจไม่ได้เป็นผู้ลงมือในทุกขั้นตอน ศัลยแพทย์มือทองหลายคนอาจเป็นผู้ให้คำอธิบายคุณในทุกขั้นตอนแต่เมื่อเวลาลงมีดจริงๆ
ผู้ช่วยแพทย์หรือพยาบาลอาจเป็นผู้รับผิดชอบบางส่วน
โดยแพทยืจะเป็นคนลงมือกรีดแต่ปล่อยให้เป็นหนเที่คนอื่นที่จะเย็บหรือตกแต่งแผล
ระหว่างนั้นหมอจะสามารถแวลไปจัดการกับอีกเตียงหนึ่ง
ซึ่งมายถึงรายได้สองเท่าในเวลาเท่าเดิม
จริงๆ
แล้วการเย็บเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก
เพราะเป็นตัวตัดสินว่าแผลและแผลเป็นจะออกมาในรูปแบบไหนนอกจากนี้โอกาศที่ปัญหาบางประการจะได้รับการมองเห็นและวินิฉัยแต่เนิ่นๆ
ก็ลดน้อยลง
เพราะผู้ช่วยแพทย์หรือพยาบาลย่อมไม่มีความเชียวชาญเท่าแพทย์
ก่อนตัดสินใจจึงควรถามรายละเอียดให้กระจ่าง
7.
การดมยาสลบอาจถึงตายได้ วิสัญญีแพทย์สามารถทำให้คุณไปพบยมบาลได้ง่ายดายและนุ่มนวลยิ่งกว่าศัลยกรรมเสียอีก
หมอดมยาไม่เพียงรับผิดชอบการทำให้คุณหมดสติแต่ยังรวมถึงการตรวจสอบชีพจร
(เช่น ความดันโลหิตหรือการหายใจ) ในระหว่างการผ่าตัด
และการทำให้คุณฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัย
ดังนั้นการได้วิสัญญีแพทย์มือฉมังมาดูแลคุณจึงจำเป็นพอๆ
กับศัลยแพทย์
และถ้าแพทย์สองคนนี้ทำงานร่วมกันมาหลายครั้งก็จะช่วยให้เบาใจได้ว่าจะไม่ต้องจากโลกนี้ไปโดยยังไม่สวยสมใจ
8.
อยากรู้ว่าหมอไหนเก่งแค่ไหน ดูที่ภรรยาของเขา
แต่ถ้าจะให้มั่นใจจริงๆ
คุณควรได้เห็นผลงานบนตัวคนเป็นๆ
เพราะรูปภาพนั้นสามารถแก้ไขหรือรีทัชได้
ถ้าแพทย์บอกว่าเข้าไม่มีแม้แต่รูปของคนไขเก่าไว้อ้างอิง
เป็นสัญญาณเตือนภัยระดับสีแดงเลยว่าควรโบกมือลาหมอคนนี้โดยไว
เป็นเรื่องจริงที่ว่าภรรยาของศัลยแพทย์ส่วนใหญ่จะเคยผ่านการศัลยกรรมมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
และคุณสามารถทราบอะไรเกี่ยวกับหมอผ่าตัดคนได้หนึ่งได้มากมายเพียงแค่มองดูภรรยาของเขา
ลองมองหาภาพครอบครัวซึ่งมักประดับอยู่ในคลินิกถ้าคุณเห็นสิ่งที่เรียกว่า
“มากเกินไป” บนใบหน้าของศรีภรรยาคนนั้น ก็มีแนวโน้มสูงกกว่าจะได้รับแบบเดียวกัน
9.
ผลของศัลกรรมพลาสติกไม่คงอยู่ตลอดไป ถ้าคุณกำลังมองหาอะไรที่ดำรงอยู่ตลอดกาล
ซื้อเพชรสักเม็ดจะมีหวังมากกว่า
วินาทีที่หมอจัดการปิดแผลเสร็จ
แรงโน้มถ่วงของโลกและกระบวนการชราภาพของร่างกายจะตรงเข้ามามีอิทธิพลในทันทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
20 ปี หลังจากยกกระซับหนเอก ดอกบัวคู่ของคุณไม่มีทางเด้งดึ๋งดั๋งเหมือนน้อยมันก็จะเป็นรูปเป็นทรงกว่าสภาพที่ควรจะเป็นหากไม่ได้ตัดสินใจทำ
เพราะจะฉะนั้นอย่าคาดหวังสูงเกินจริง
10.
คุณจะได้รับในราคาที่คุณจ่ายไป แน่อยู่แล้ว
โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีและทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป
ถ้าคลินิกที่คุณไปฉีดโบท้อกช์คิดราคาคุณแค่ครึ่งหนึ่งของที่อื่นก็เป็นไปได้ว่าคุณจะได้สารโบท็อกช์แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้นของที่อื่นเช่นกัน
โบทีอกเป็นยาที่ราคาตายตัวและไม่อาจซื้อหาจากที่อื่นหรือผลิตเองได้
ดังนั้นแพทย์จึงไม่สามารถลดราคาเว้นแต่จะลดปริมาณ
การศัลยกรรมก็เช่นเดียวกัน
ถ้าหมอตั้งราคาไว้ต่ำกว่าปกติ มีความเป็นไปได้สูงกว่าแพทย์คนนั้นจะมีประสบการณ์และหรือเครื่องมือที่มีคุณภาพต่ำกว่าคลินิกที่คิดราคาสูง
แต่ถึงกระนั้นทุกอย่างมีข้อยกเว้นของมัน
อาจจะมีหมอจบใหม่แต่เปี่ยมพรสวรรค์ที่ให้คุณได้มากกว่าหมอมีประสบการณ์ในราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่งแต่โดยทั่วไปแล้วแพทย์ที่ยิ่งผ่านเตียงผ่าตัดมากมาก้กยิ่งเชี่ยวชาญมาก
เรารู้ซึ่งดีว่าแผลแต่ละแบบจะเยี่ยวยาตัวเองอย่างไร
คนไข้ลักษณะไหนที่มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ
ศัลยกรรมเป็นสาขาที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์
ประสบการณ์
จึงสำคัญอย่างมากสำหรับการก้าวไปสู่จุดสูงสุด แพทย์เกือบร้อยทั้งร้อยยอมรับว่าสิ่งที่เขาทำหลังสำหเร็จการศึกษามาได้สิบปีดีกว่าสิ่งที่เขาจบใหม่ๆ
อย่างไรก็ตามที่คือ ใบหน้า
ร่างกายและชีวิตของคุณ
ลัวทำไมคุณจึงไม่คิดจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองล่ะ
ถ้าตอนนี้คุรยังไม่มีปัญหาไม่พบแพทย์รัดับท็อปเท็น
ก็เก็บเงินต่อไปอีกหน่อยดีกว่าไปเสี่ยงกับหมอโนเนม
ถามจริงๆ
เถอะคุณอย่ากให้แพทย์ไร้ฝีมือมาเฉือนเนื้อหนังหรือยุ่งกับหน้าอกคุณจริงๆ
เหรอจะสวยด้วยแพทย์ทั้งที่ต้องสวยแบบมีสติ
ที่มา
: นิตยสาร alternative health
ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020
Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc. All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style