full review เมื่อตัดสินใจเสริมหน้าอกด้วยการฉีด filler

jiggee

ตามหัวข้อเลยจร้า หลังจากหาข้อมูลจนตาแฉะ ศึกษาข้อดี และข้อเสีย เพราะใจนึงเชื่อว่าไม่มีอะไรดี100% และไม่มีอะไรแย่100% แต่อยู่ที่ว่าข้อเสียนั้นเรารับได้มั้ย
เลยอยากมาเสนอเป็นแนวทางให้กับผู้ที่สนใจ
เริ่มเลย ด้วยการที่ไม่สามารถพักฟื้นได้จริงๆ จึงทำให้ตัดสินใจที่จะฉีด !!! ฉีด ฉีด น่ากลัว อันตราย  ข้อเสียมันมีอะไรบ้าง ศึกษา ศึกษา ได้ผลสุปข้อเสียออกมา
1. ไม่ถาวร 5-10ปี ตามที่แต่ละที่โฆษณา
2. เอาออกยาก ต้องผ่า และขูดเอาออก
3. ขนาด ได้ไม่เกิน 150-250CC ไม่สะใจสาวๆหลายคน
4. ในขั้นตอนการตรวจหาก้อนเนื้อหรือมะเร็งเต้านมทำลำบาก ไม่ใช่ไม่ได้ แต่ต้องใช้วิธีเฉพาะในการตรวจ

แล้วข้อเสียอื่นหละ ทำไมไม่พูดถึง เช่นเรื่องการแพ้สารฟิลเลอร์ การไหลของสารในขณะฉีดเข้าไป จะคอนโทรลมันได้ยังไงให้มันไปอยู่ตรงไหน ทำให้เราต้องดั้นด้นไปพบคุณหมอถึงที่ +หาข้อมูลทั้งในไทยและต่างประเทศ เลยได้ข้อสรุปมาข้อแรก
1. สารตัวนี้คือ hydrophilic gel ที่ผ่าน CE ยุโรป บลาๆๆๆ ตามที่โฆษณา ไม่มีผลข้างเคียง ไม่เป็นสารก่อมะเร็ง
แล้วข้อนี้เราจะสบายใจได้อย่างไรว่าคลีนิคที่เราไปหา ฉีดสารตัวนี้ให้จริง สรุปเลยต้องไปหาคลีนิคที่ได้ชื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายและได้รับใบรับรองการฉีดสารดังกล่าวจากตัวแทนจำหน่ายที่แท้จริง
เลยทำให้ข้อ1นี้ผ่านค่ะ
2. ข้อต่อมาเรื่องการอยู่ของสารตัวนี้ เพราะเห็นบางคลีนิค ฉีด3จุด ฉีด2จุด ฉีด1จุดก็ว่ากันไป เราเลยไปถามหมอถึงข้อดีข้อเสียของการฉีดหลายจุด ได้ผลมาว่าข้อดีของการฉีดหลายจุดสามารถแก้ไขเรื่องการบิดเบียว สูงต่ำ ห่าง ของหน้าอกได้ คือห่างตรงไหนเติมตรงนั้น หรืออยากได้ทรงไหน ปั้นฉีด เอาได้เลย (ข้อดีจากเจ้าที่ฉีดหลายจุดบอกมา) แต่ข้อเสียมันคือ จะมีฟิลเลอร์ที่ว่ากระจายอยู่เต็มเนื้อหน้าอกไปทั่ว อยู่เป็นก้อนๆ กลุ่มๆ แล้วแต่พื้นที่ มากน้อย
แล้วที่คลีนิคนี้หละใช้วิธีไหน ฟังทีแรกมีเหวอ ใช้การเปิดใต้ฐานนมเข้าไปด้วยเครื่องมือ !@*$%&%(^) ฟังไม่ทันค่ะ เป็นช่องขนาดเล็กมาก ขนาดแผล 0.5cm.แล้วใช้เครื่องมือที่ว่าเข้าไปเปิดโพรง ระหว่างเหนือกล้ามเนื้อ กับใต้ชั้นเนื้อหน้าอก เพื่อสร้างพื้นที่ ที่อยู่ให้กับฟิลเลอร์ ให้มันมีห้องอยู่ และให้มันรวมตัวกันอยู่ที่ๆเดียว ข้อดีของมันคือ เราจะได้ลูกนมที่ได้สัมผัสเป็นธรรมชาติ และมีโอกาสเกิดการไหลไปรวมหรือเกิดการไปแทรกตัวในเนื้อนม ชั้นไขมัน หรือต่อมน้ำนมน้อยมากกกกกก ไม่เหมือนกับการฉีดอัดเข้าไปโดยตรง ไขมันตรงไหนหลวมก้ไหลไปแทรกอยู่ตรงนั้น ดังนั้นเวลาขยำลงไปจะเกิดการจับเจอระดับความตึงของเนื้อนมที่ต่างกัน เหมือนมีก้อนนิ่มๆ กระจายอยู่ในเนื้อนม
แล้วข้อเสียหละ จะมีแผลผ่าตัดขนาดเล็ก ที่ต้องกลับมาตัดไหม แต่เนื่องจากแผลที่มันเล็กมาก ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตเกือบปกติได้ในทันทีที่ทำเสร็จ โอววววววว อันนี้หละที่ทำให้ตัดสินใจจะทำกับที่คลีนิคแห่งนี้

jiggee

ขออธิบายเพิ่มเติมข้อเสียข้างต้นหน่อยนะคะ กับเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเลือกทำและรับมันได้กับข้อเสียเหล่านั้น อันนี้ขอย้ำนะคะ มันคือ ทัศนคติส่วนตัวของดิฉัน ที่คิดและตัดสินใจแบบนี้
1.ไม่ถาวร อยู่ได้5-10ปี อันนี่ไม่จริง อยู่ได้แค่ประมาณ5ปี แถม เวลาเดินตั้งแต่วันแรกที่ฉีด นั่นหมายความว่า ฉีดวันนี้ มันเริ่มสลายเลยทันที ไปจน5ปีหมดโดยประมาณ คือมันจะยุบลงปีละ20% ไม่ใช่อยู่5ปีแล้วถึงยุบนะคะ ไม่ใช่เลย
จากข้อ1นี่เอง ทำให้เรารู้ว่า มันสลายค่ะ ไม่ต้องไปหาเรื่องผ่า อยากให้หายไไวๆ ก็เข้าเซาน่าบ่อยๆ กินน้ำน้อยๆเอา ในขณะที่ดีใจว่ามันสลายได้จริง แอบเศร้าใจอยู่นิด คือเราต้องมาเติมมันทุกปี แล้วแต่กำลังทรัพย์ที่จะหามาปรนเปรอน้องนมของเราได้ อันนี้ดิฉันรับได้ ถ้าแลกกับความสมจริงและแลดูเป็นธรรมชาติที่ได้จากมัน และการเติมก็แสนง่าย เมื่อเรามีโพรงพื้นที่ของฟิลเลอร์ในหน้าอกเราอยู่แล้ว การเติมคือฉีดเข้าไปในฟิลเลอร์ก้อนเดิมที่มีอยู่ในหน้าอกได้เลยคะ
2. เอาออกยาก ต้องผ่า+ขูดหรือล้างออก ในใจคิดว่าถ้ามีปัญหาจริง ต้องผ่าเอาออก เสริมซิลิโคนก็ต้องผ่าเอาออก เพราะก็เห็น บิด เบี๊ยว สูง ต่ำ ห่าง กันเยอะ ความเสี่ยงมีเหมือนกัน ดังนั้นข้อนีต้องอาศัยบุญที่ทำกันมาทั้งในภพนี้และภพที่แล้ว ขออย่าให้มีปัญหาอะไรเลย สาธุ
3.ขนาด ขนาด ขนาด ได้ไม่เกิน 150CC -250CC อันนี้จริง แต่ !!! มันมีแต่ค่ะ  มันแล้วแต่เคส สาเหตุที่มันได้น้อย ก็เพราะว่า คนที่แฟบมาแต่กำเนิด หนังนมไม่เคยยืดหรือขยายเลย การฉีดฟิลเลอร์เข้าไป ทำให้ไม่สามารถฉีดเข้าไปได้เยอะ และปั้นทรงยาก เพราะการหดรัดของผิวหนังน้องนมนั่นเอง ไม่เหมือนซิลิโคนก้อนที่ยัดมันเข้าไป อยุ่ทรงไหน ก็ทรงนั้น แต่ของเราผ่านข้อน้ได้อย่างสบายเพราะเคยมีลูกมาแล้ว น้องนมเคยขยายมาจนถึงขนาด36 D ในตอนให้นมลูก และก่อนหน้ามีลูก น้องนมเราก็33-34B+ มาก่อนนะจ๊ะ (ปัจจุบัน30A- เรื่องมันเศร้า) ทำให้มีฐานนมที่กว้างมาเป็นทุนเดิม และสามารถฉีดระดับ200-250ได้เลยในครั้งแรก คุณหมอแอบเอารูปคนฉีด300มาให้ดูด้วย เหมือนถามว่าสนใจมั้ยฉีดได้นะ แต่งบประมาณดิฉันสิคะที่ต้องเคลียกับสามีก่อน  ฮ่าาาาาาาา แงๆๆๆๆ
4. ขั้นตอนการตรวจมะเร็ง ก่อนฉีด ที่คลีนิคนี้ จะบังคับให้เราไป อัลตร้าซาวนด์และเอาใบรับรองแพทย์และฟิล์มมาก่อน ว่าน้องนมเราไม่มี ก้อน ตุ่ม ปม ซีส หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ผิดปกติ หรือส่อแววผิดปกติ ถึงจะฉีดให้ อันนี้ชอบมากเกิดมาไม่เคยตรวจนม เลยได้จัดไปซะ ผล นมคลีน บริสุทะ์100% สามารถฉีดได้ จร้า
กลับไปเรื่องการตรวจมะเร็ง ตรวจได้นะ แค่ต้องบอกหมอที่ตรวจว่าเราฉีดฟิลเลอร์มา จะมีวิธีการตรวจอีกแบบที่สามารทำให้ตรวจได้ และด้วยการที่คลีนิคนี้เปิดโพรง ในน้องนมเราก่อน ยิ่งทำให้การตรวจเป็นไปได้ง่าย เพราะตำแหน่งที่อยู่ที่แน่นอนของมันนั่นเอง
5. เสริมเพิ่มอีกนิดนึง ในขั้นตอนการฉีด นอกจากตัวสารฟิลเลอร์ดังกล่าวแล้ว ยังมี น้ำเกลือ และยาชา ปนอยู่ในฟิลเลอร์นั้นด้วย นั่นหมายความว่า ขนาดที่คุณเห็นหลังจากฉีดในทันที มันจะยุบลงไปอีกประมาณ15-20% หลังจากผ่านไป1-2สัปดาห์แรก โอ๊วววว โหดร้ายดีแท้
สรุปดิฉันตัดสินใจทำค่ะ ด้วยทัศนคติส่วนตัวทั้งของทางดิฉันและสามี
ปล.เป็นทัศนคติและการตัดสินใจส่วนบุคคล ที่ได้มาจากการสอบถาม ศึกษาหาข้อมูล และได้รับข้อมูลมานะคะ ดังนั้นหัวข้อไหนมีการผิดพลาดยังไง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ไม่ได้มาสื่อเพื่อให้คนแห่ไปฉีดนะคะ แต่แค่ต้องการให้คนที่กำลังหาข้อมูลอยู่  หรือกำลังตัดสินใจอยู่ ได้เอารีวิวนี้ไปเป็นตัวช่วยในพิจารณาเอาเองอีกครั้ง   ว่าเรารับได้มั้ย หรือเหมาะมั้ยที่จะเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้ เท่านั้นค่ะ

แพรชมพู

เดี๋ยวรอชมรีวิวนะคะ

jiggee

เมื่อถึงกำหนดวันนัด ตื่นเต้นเล็กน้อย หลังจากคุยย้ำกับผลต่างๆอีกครั้งสรุปลงมือทำ แต่สิ่งที่คาใจและกังวลมากกว่าคือ ขนาดหลังจากยุบแล้ว และคุณหมอก็บอกเองว่า เมื่อเทียบกัน CC ต่อ CC ฟิลเลอร์จะมีขนาดที่เล็กกว่า ซิลิโคน คือมันจไม่พุ่ง ตั้งเป็นลูกแบบซิลิโคน มันจะคล้อยและแนบลงไปกับตัวและดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
ไอ้เราก็อยากรู้ 225ccเมื่อยุบแล้วมันจะขนาดไหน คุณหมอก็เลยบอกว่าเด๋ซฉีด175+น้ำเกลือและยาชา ให้ก่อน เพราะมันจะเท่ากับ225 ที่ยุบเรียบร้อยแล้ว ก็เลยตกลงตามนั้น พอคุณหมอฉีด175ให้เรียบร้อย ตามคุณสามีเข้ามาดู สรุปคุณสามีออกไปจัด 300ccให้ทันที เพราะจะได้เจ้บตัวครั้งเดว เรื่องเติมปีหน้าค่อยว่ากัน
หลังฉีดเสร็จ มีอาการ มึน งง และเวียนหัว เป็นเพราะฤทธิ์ยาชา ที่ฉีดปนเข้าไปกับซิลิโคน เลยทำให้ต้องนอนพักต่ออีก5-10นาที หลังจากนั้นก็สามารถลุกได้ตามปกติ แต่จะมีวิ้งๆๆอยู่บ้างเล็กน้อย และก็เป็นตามที่โฆษณา นมพร้อมใช้ หลังจากออกจากคลีนิค ไปเดินห้าง กินข้าว ช๊อปปิ้งตามปกติได้เลย ที่สำคัญ สามีแอบเหล่ มองนมเราตลอดเลย อิอิอิ ชอบ ชอบ ชอบ ชอบ
ตกดึกกลับบ้าน ยาชาหมดฤทธิ์ มาครบเลย ปวด ระบบ แต่ก็ทนไหว กินยาตามที่ทางคลีนิคให้มา ตื่นเช้ามา ใช้ชีวิตได้เกือบปกติ แค่เดินไว กระโดด หรือยกของหนักไม่ได้เท่านั้นเอง เพราะมันจะแปล๊บๆ เนื่องจากที่คลีนิคนี้มีการเปืดโพรงในช่องอกเหมือนการยัดซิลิโคน ให้เจ้าฟิลเลอรืมีนมีที่อยู่ แต่แผลขนาดเล็กกว่ามากจึงทำให้าการเจ้บปวดน้อยกว่ามาก จนแทบไม่ต้องพักฟื้นเลย
สุดท้ายไปชมภาพกันค่ะ before & after

jiggee

ถึงวันนี้วันที่3แล้วค่ะ กลับเข้าสู่โหมดเกือบปกติ100%แล้ว ที่สำคัญ วันนี้เวลาเดินปกติ นมเด้งๆๆด้วย เวลาจับ เริ่มนิ่มลงแล้ว ไม่ตึงเปรี๊ยะแบบ2วันแรก เด่วครบ7วันจะมาอัพให้ดูอีกครั้งนะคะ ว่าหลังจากยุบลงแล้วเหลือขนาดไหน