ตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกคุณหมอตุ้ก Dmor

MILDY

สวัสดีค่ะ หลังจากที่อ่านรีวิวในดั้งโด่งมาเกือบ 3 ปี วันนี้ก็ได้มารีวิวเองซะทีนะ :)

ก่อนอื่นต้องบอกว่า มีหลายเหตุผลที่ยังลังเลมาตลอด 3 ปี ว่าเราควรทำดีไหม...ทั้งเรื่องการเลือกคุณหมอ เรื่องสุขภาพร่างกายของตัวเองที่เป็นโรคภูมิแพ้ แต่ไม่ถึงกับขั้นรุนแรงนะค่ะ แต่ก็แพ้ฝุ่น แพ้อากาศบ่อยเหมือนกัน และความกังวลเรืองทรงจะไม่สวยบ้าง เอียงบ้าง และอีกมากมายหลายสิ่ง จนทำให้เราลืมเรื่องนี้ไปพักใหญ่ และเกือบจะคิดว่า ปล่อยดั้งแหมบแบบนี้ต่อไปแระ 5555

จนวันนึงเมื่อเกิดอาการอยากสวยตอนใกล้จะแต่งงานขึ้นมา เลยกลับมาในดั้งโด่งอีกครั้ง และคราวนี้ได้เจอรีวิวคุณหมอตุ้กของเพื่อนๆหลายคน อาจจะพูดได้เลยว่า สวยทุกเคส ในแบบธรรมชาติ ไม่ดูแข็งจนเกินไป ทำให้เราสะดุดกับฝีมือหมอตุ้ก เลยเริ่มหารีวิวเยอะขึ้นๆ (ตามแบบฉบับคนขี้นอยด์ 555) จนได้ทราบว่า เทคนิคของหมอตุ้กที่สำคัญคือ การวางซิลิโคนใต้เยื่อหุ้มกระดูก (อันนี้สำคัญจริงๆนะ) เพราะมันเป็นเทคนิคที่จะทำให้จมูกของเราปลอดภัยในระยะยาววว และป้องกันการเบี้ยวเอียงได้ค่อนข้างสูง ไม่เสี่ยงต่อการทะลุ (แล้วแต่การดูแลตัวเองด้วยนะ) ประกอบกับทรงที่คุณหมอถนัด คือทรงธรรมชาติและรับกับหน้าของแต่ละคน ทำให้เราตัดสินใจไม่ยากนัก

พอหาข้อมูลจนเป็นที่พอใจ เราก็ไลน์ไปที่คลินิก ถามรายละเอียดต่างๆ ซึ่งผู้ช่วยคุณหมอก็ได้ให้เราส่งรูปไปประเมินเบื้องต้น ว่าเคสยากง่ายแค่ไหน จากนั้นนัดคิวทำเลยค่ะ เพราะหากต้องการพบคุณหมอก่อน คิวอาจยาวไปอีก

และวันที่ขึ้นเขียงก็มาถึง....แอบตื่นเต้นเล็กๆ ได้คุยกับคุณหมอก่อนค่ะ อธิบายพื้นฐานจมูกเดิมให้ฟังว่า จมูกเรา ฐานเดิมมีเอียงขวาเล็กน้อย และเป็นคนจมูกสั้น คุณหมอจะแก้ไขโดยการตะไบ ส่วนเรื่องจมูกสั้น จริงๆสามารถต่อปลายด้วยกระดูกอ่อนหลังหูเพิ่ม เพื่อความปลอดภัย และทำให้ปลายจมูกดูยาวขึ้นกว่าเดิม แต่เคสเราคุณหมอแจ้งว่า เนื้อปลายจมูกค่อนข้างเยอะอยู่ สามารถดึงซิลิโคนลงมาได้ โดยที่ยังปลอดภัย ไม่ทะลุ เราเลยไม่ได้ใช้กระดูกอ่อนมาต่อเพิ่มค่ะ จริงๆคุณหมอบอกว่า เรามีดั้งอยู่ แต่ไม่ค่อยชัดเวลาหน้าตรง (คุณหมอปากหวาน 555) และคุณหมอได้อธิบายระยะเวลาที่จะเริ่มสวยว่า เดือนแรกจะเริ่มเห็นทรง เดือนที่สามจะเริ่มเข้าที่และเริ่มสวย หากในช่วงแรกมีคนทักว่าเบี้ยวหรือดูจมูกยังใหญ่ๆ ห้ามนอยด์เด็ดขาด เพราะมันยังไม่ใช่ของจริง 5555 เพราะการเสริมใต้เยื่อหุ้มจมูกนั้น ความระบมและความบวมจะมีนานกว่าการเสริมบนเยื่อหุ้มค่ะ อันนี้เข้าใจและโอเคมาก คือยอมบวมนานหน่อยแต่ปลอดภัยระยะยาวว

ช่วงเวลาในการผ่าตัดผ่านไปด้วยดีค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ คุณหมอฉีดยาชาบล้อกปลายประสาทตรงแก้มทั้งสองข้างก่อนลงเข็มตรงปลายจมูก เลยทำให้ไม่เจ็บเลยค่ะ คุณหมอมือเบามากกกกกกกก และบรรยากาศในห้องผ่าตัดก็ไม่น่ากลัวอย่างที่กังวลเลย ผู้ช่วยและคุณหมอชวนคุยตลอด ทำให้เราไม่เครียดค่ะ

ข้อแนะนำ*
การดูแลตัวเองในช่วง 1 อาทิตย์แรกสำคัญมากๆเลยค่ะ ประคบเย็นอย่าให้ขาด กินยาตามเวลาให้ครบ ดื่มน้ำมะพร้าวเยอะๆๆๆทุกวัน นอนหัวสูง ใช้หมอนรองคออันนี้สำคัญสุดดด อย่าให้แผลโดนน้ำเปนอันขาดค่ะก่อนตัดไหม ปล่อยหน้ามันไปค่ะ ทนๆหน่อยเนอะ ใครไม่ไหวก็เอาสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดเบาๆได้ค่ะช่วง 3 วันแรก เว้นตรงจมูก - ของเราเข้าวันที่ 4 เริ่มลงโฟมค่ะ แล้วเอาสำลีชุบน้ำลูบออกจนสะอาด แบบเบามือนะค่ะ พยายามอย่าโดนจมูก สิวบุกตรงจมูกช่างมันค่ะ ปกติ เพราะหน้าเราไม่ได้โดนน้ำเท่าที่ควร เดี๋ยวพอแผลหายดี ค่อยมาบำรุงกันใหม่ :) อ่อ แล้วก็อาหารการกิน งดของแสลง และอาหารรสจัดก่อนนะค่ะ ช่วง 1 เดือนแรก เพราะป้องกันการติดเชื้อจากน้ำมูกค่ะ

บ่นเยอะ มาดูรูปค่ะ แต่ขอข้ามรูปตอนบวมไปนะค่ะ เพราะน่าจะ
เหมือนกับหลายๆคน ของเราบวมประมาณ 3 วันแรกค่ะ แล้วค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ส่วนเรื่องช้ำ ช้ำน้อยมากกค่ะ อาจเพราะคุณหมอมือเบาด้วย มีเหลืองๆใต้ตานิดหน่อย

ก่อนทำ และก่อนเข้าห้องผ่าตัด












หลังทำ
















เสริมจมูกครั้งนี้ ยกความดีให้คุณหมอตุ้ก ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ คุณหมอใจดี อธิบายชัดเจน ผู้ช่วยทุกคนน่ารักมากค่ะ ดูแลติดตามผลอย่างดีเลย ใครอยากทำศัลยกรรมจมูก แนะนำดีมอร์ค่ะ

pang28

ต้องขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ อ่านแล้วน่ารักมาก ได้เห็นทุกความตั้งใจของคุณหมอด้วยนะคะ

pang28

ทรงนี้ถ้าเข้าไปปรึกษาบอกคุณหมอได้ไหมคะ ว่าต้องการแบบนี้