|
และอื่นๆที่เราพบว่าก่อให้เกิดหลังจากผ่าตัดไปแล้วมีผลต่อการหายช้าหายเร็วขอองแผลอีกมากมาย ที่คลินิกไม่ได้บอกมา ที่สำคัญที่สุดที่คลินิกควรระบุเพิ่มในเอกสารดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดคือ หน่อไม้!! เพราะคนไข้เองมีความรู้มากน้อยต่างกัน ความพิถีพิถันในการเลืกรับประทานอาหารต่างกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการอักเสบต้องวิ่งเข้าหาคลินิกโดยไม่จำเป็น คนไข้เองจะได้หลีกเลี่ยงและหายจากแผลผ่าตัดได้โดยไวยิ่งขึ้น ดีทั้งคลินิกและตัวคนไข้ ไม่ใช่เมื่ออักเสบไปปรึกษาคลินิกๆบอกว่าไม่รู้หร๋อคะว่าทานไม่ได้ ส่วนใหญ่มันหมักดองทั้งนั้น อ้าววว!! ไม่รู้หรอกค่ะ บางคนเผลอ บางคนไม่ทราบ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดในอนาคตระบุเลยค่ะคลินิกทั้งหลาย และแนะนำเลยค่ะผู้ที่ชื่นชอบรับประทานหน่อไม้ ควรหลีกเลี่ยงหลังจากทำศัลยกรรม 1-3 เดือนหลังการผ่าตัดจะช่วยให้แผลหายเร็ว ลดปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้อักเสบขึ้นมาภายหลัง
-หน่อไม้สด มีสารไซยาไนด์ผสมอยู่ตามธรรมชาติ ควรต้มในน้ำเดือดอย่างน้อย 10 นาที ก็อร่อยได้อย่างปลอดภัย
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลสำรวจ การได้รับสารไซยาไนด์จากการบริโภคหน่อไม้ของคนไทย โดยใช้ค่าเฉลี่ยของการบริโภคหน่อไม้ต้มต่อคนต่อวัน พบคนไทยได้รับสารไซยาไนด์เฉลี่ย 0.041 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน ซึ่งค่าความปลอดภัย ที่ FAO และ WHO กำหนดไว้ ไม่ควรเกิน 0.05 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน
พร้อมแนะวิธีลดความเสี่ยงก่อนนำหน่อไม้มาบริโภค ให้ต้มด้วยความร้อนที่อุณหภูมิน้ำเดือดนานอย่างน้อย 10 นาที จะช่วยลดปริมาณสารไซยาไนด์ได้ถึง 90.5 %
คัดลอกเนื้อหาบางส่วนมาจาก Cr : ศูนย์ความรู้กรมอนามัย
http://kcenter.anamai.moph.go.th/info.php?info_id=359
-หน่อไม้ปี๊บ ยังมีหน่อไม้ปี๊บที่ผิดกรรมวิธียังมีการลักลอบทำและจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป ทั้งน่าน จ.เชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง พบว่า มีการลักลอบหน่อไม้ปี๊บที่ไม่ได้มาตรฐานจากจังหวัดเชียงรายจำนวนมาก เบื้องต้นได้มีการประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)กวดขันการจำหน่ายในลักษณะดังกล่าวแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย ต่อผู้บริโภคต่อไป
ด้าน ผศ. มลิวรรณ์ กิจชัยเจริญ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรสาขาอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.น่าน กล่าวว่า ที่ผ่านมาการผลิตหน่อไม้ปี๊บ ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการปรับกระบวนการผลิตให้ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยจุดสำคัญอยู่ที่การเติมกรดมะนาว หรือที่เรียกว่า กรดซิตริกโดยหลักจะต้องปรับกรดดังกล่าวให้มีค่า pH ต่ำที่ pH 4.5เพื่อฆ่าเชื้อโบทูลินัมดังนั้น หน่อไม้ปี๊บที่ได้คุณภาพต้องมี รสเปรี้ยวนิดๆ จึงจะปลอดภัย
สารโบทูลินัมในหน่อไม้ดองหรือหน่อไม้ปี๊บที่ไม่ได้มาตรฐาน สามารถสร้างสารพิษ ที่ทำให้เกิดโรค botulism ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
สารโบทูลินัมเจริญได้ในอาหารกระป๋อง (canned food) โดยเฉพาะอาหารประเภทกรดต่ำ (low-acid food ) ที่ฆ่าเชื้อแบบ commercial sterilization ไม่สมบูรณ์คือ ใช้อุณหภูมิหรือเวลาการฆ่าเชื้อไม่เพียงพอ
ผศ.มลิวรรณ์ ยังกล่าวอีกว่า “จริงๆแล้วทั้งหน่อไม้ปี๊บและหน่อไม้สด ให้คุณค่าทางอาหารน้อยมาก ที่สำคัญหน่อไม้สดยังพบสารไซยาไนน์ หรือสารพิษ หากไม่ต้มจนเดือดเกิน 100 องศาเซลเซียสการบริโภคถือว่าอันตรายมาก แต่การห้ามไม่ให้ชาวบ้านบริโภคคงไม่ได้เพราะเป็นวัตนธรรมการบริโภคของชาว บ้าน ดังนั้น ควรเหลือบริโภคที่ปลอดภัยดีที่สุด”ผศ.มลิวรรณ์ กล่าว
CR : ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/34813
|
|