|
ต้นฉบับโพสต์โดย boy1997 เมื่อ 2013-1-21 00:20 ![]()
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย boy1997 เมื่อ 2013-1-21 00:23
session ใน การป ...
บริเวณศรีษะและหน้าคนเราจะมีสารตัวหนึ่งที่เรียกว่า DHT (dihydrotestosterone)
ซึ่งจะไปขัดขว้างการเจริญเติบโตการงอกหรือทำให้ผมเส้นเล็กลง จนในที่สุดผมไม่ขึ้นอีก
เซลล์ผมทั้งศรีษะจะมีบางส่วนที่ต่อต้าน DHT ไม่ได้ และทำให้ศรีษะล้าน/บาง
โดยเฉพาะในบริเวณด้านหน้าและบน จึงเห็นว่าผมจะเริ่มบางจากบริเวณนั้นก่อนเสมอ
ส่วนใครที่โชคดี คือผมดก แสดงว่าเค้ามีเซลล์ผมที่สามารถต่อต้าน DHT ได้
มีหลายคนที่กินยารักษาผมร่วง ซึ่งก็คือยาที่ไปกด DHT ไม่ให้มันมีผล
แต่คนโดยทั่วไปแล้ว จะมีเซลล์ผมที่ต่อต้าน DHT ได้ที่บริเวณด้านหลังศรีษะ
เซลล์พวกนี้จะอยู่กับศรีษะไปจนตลอดชีวิต ต่อให้เอามาปลูกที่ด้านหน้าก็ตาม
เซลล์ผมเหล่านี้จะอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า Safe donor area
ซึ่งหากบอกว่า เมื่อเอามาปลูกที่ด้านหน้า แล้วในระยะยาวมันจะร่วง
ก็อาจจะเป็นได้ แต่นั่นหมายถึงพวกเพื่อนๆมันที่ยังอยู่ด้านหลังก็ร่วงเช่นกัน
ดังนั้น แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าเซลล์ผมที่เอามาปลูกนั้นต้อง Resist to DHT
พวกที่มีกรรมพันธุ์หัวล้านมากๆ และยังล้านไม่ถึงที่สุด แต่รีบมาปลูกผมซ่ะก่อน
เป็นไปได้ว่า เซลล์ที่ถูกนำมาปลูกด้านหน้า จะอยู่นอก Safe zone ที่ว่า
แล้วเมื่อเวลาผ่านไป ผมก็จะร่วงออกอยู่ดีไป ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ใหนบนศรีษะเรา
เทคนิค FUT จะตัดหนังศรีษะเป็นแผ่น ส่วน FUE จะกระจายดูดเซลล์
ดังนั้น ถ้าปลูกจำนวนเท่ากันแล้ว FUE ใช้พื้นที่มากกว่า แต่ไม่เป็นแผลแบบกระจุก
ถ้าปลูกไม่มาก เช่นซัก 1,000 กราฟ ก็คงไม่มีเซลล์นอก Safe zone ถูกดูด
แต่คนที่ต้องการปลูกมากๆแล้ว แบบ FUT จะเหมาะกว่าเพราะสามารถควบคุม
บริเวณที่จะตัดเอาเซลล์มาปลูกได้ง่ายกว่า โอกาสเสี่ยงน้อยกว่า
จะเห็นว่า Wayne Rooney ก็ใช้เทคนิค FUE ปลูกไม่น้อยเลยทีเดียว
ผลออกมาก็ดีเยี่ยมอยู่ แต่ต้องคอยดูในระยะยาวต่อไป ว่าจะมีร่วงออกมั๊ย |
|